เส้นทางโกลเด้น 4 วัน ออกเดินทางจากโอซาก้า

เขตมินะมิ (ใต้) เป็นย่านหนึ่งในใจกลางโอซาก้า รายล้อมไปด้วยย่านต่างๆ ได้แก่ นัมบะ โดตมโบะริ และชินไซบะชิ เป็นศูนย์กลางด้านอาหารการกิน การช้อปปิ้ง และชีวิตยามค่ำคืนที่สุกสว่างไปด้วยแสงไฟนีออน มาร่วมกินอาหารอย่างทะโกะยะกิที่จำหน่ายโดยผู้ขายอาหารริมทางในโอซาก้า ช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าสมัยใหม่และร้านค้าแบบดั้งเดิมจนหมดแรง แล้วไปสนุกกันต่อที่ร้านอิซะกะยะเพื่อสัมผัสประสบการณ์เฉพาะตัวของโอซาก้า

เดินชมและลิ้มรสอาหารทะเลสดรวมถึงอาหารโอซาก้านานาชนิดในตลาดที่มีชีวิตชีวามากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง ตลาดคุโระมงเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมอาหารที่แท้จริงของโอซาก้า มีร้านค้าถึง 150 ร้านที่ให้บริการอาหารแก่เชฟมืออาชีพและนักท่องเที่ยวผู้รักการชิมอาหารด้วย

ท่องเที่ยวย้อนเวลากลับไปดูวิถีชีวิตของชาวโอซาก้ายุคอดีตในพิพิธภัณฑ์ที่สร้างความเบิกบานใจแห่งนี้ ซึ่งจำลองภูมิทัศน์ของเมืองตั้งแต่ยุคเอโดะ (ราวปี ค.ศ. 1830) เป็นต้นมา นิทรรศการแบบประสบการณ์ตรงช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับชีวิตชาวญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมได้แม้ในทุกวันนี้

ปราสาทโอซาก้าเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโอซาก้า ตั้งตระหง่านอยู่เหนือพื้นที่ใจกลางเมืองภายในสวนสาธารณะที่สวยงามอันเป็นพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองอย่างแท้จริง และยังเป็นจุดชมดอกซากุระที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งของเมืองในฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย ตื่นตาตื่นใจไปกับหอ กำแพงหิน คูรอบปราสาท และสวนที่ชวนให้รู้สึกประทับใจ จากนั้นจึงก้าวเข้าสู่ภายในเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของปราสาทในประวัติศาสตร์ของโอซาก้า

ที่ศาลเจ้าอิเซะจิงงู เป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาว่าผู้เข้าชมจะไปที่เกะกูก่อน แล้วจึงไปที่ไนกู ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างมานานกว่า 1,500 ปี เพื่อถวายเทพเจ้าโทะโยะอุเกะ-โนะ-โอะมิกะมิ เทพผู้ปกปักรักษาอาหาร ที่อยู่อาศัย และเสื้อผ้า ทั้งไนกูและเกะกูได้รับการสร้างขึ้นใหม่ทุกยี่สิบปีตามประเพณีโบราณของศาสนาชินโต

กล่าวกันว่าสะพานอุจิเป็นจุดที่แบ่งโลกสามัญกับโลกศักดิ์สิทธิ์ออกจากกัน ซึ่งเมื่อข้ามไปแล้วจะเป็นส่วนที่เรียกว่าไนกู จินจะ (ศาลเจ้า) แห่งนี้ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เชื่อกันว่าเป็นที่เก็บรักษากระจกศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์หนึ่งในสามชิ้น ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างถวายเทพเจ้าอะมะเตะระซุ-โอมิกะมิ ซึ่งทรงเป็นเทพบรรพบุรุษ (เทพชินโต) ของราชวงศ์ญี่ปุ่นและผู้ปกปักรักษาประเทศญี่ปุ่น

ก่อนจะถึงศาลเจ้าอิเซะจิงงู (ไนกุ) เป็นที่ตั้งของเมืองเก่าโอะฮะไรมะชิที่มีความเฟื่องฟู ภายในเขตเมืองดังกล่าว คุณจะได้พบย่านที่เรียกกันว่าโอะกะเงะโยะโกะโช ซึ่งคุณจะได้เพลิดเพลินกับภูมิทัศน์ของถนนอิเซะจิที่มีสถาปัตยกรรมยุคเอโดะและยุคเมจิอยู่สองข้างทาง โอะกะเงะโยะโกะโชมีร้านค้าที่มีเสน่ห์เกือบห้าสิบร้าน เป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารเลิศรสจำนวนมากของมิเอะ รวมถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของย่านอิเซะ ได้แก่ การแสดงกลองไทโกะและการเล่าเรื่องประกอบภาพกระดาษ อย่าลืมลองชิมอะกะฟุกุ ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของอิเซะก่อนที่คุณจะกล่าวคำอำลา

2-2-29 จิงคิว อิเซะ-ชิ มิเอะ

เขตพื้นที่อิเซะ-ชิมะของมิเอะขึ้นชื่อในเรื่องอาหารทะเลสด และเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในการลิ้มรสสุดยอดอาหารอร่อยที่แท้จริงซึ่งปรุงมาจากวัตถุดิบทั้งสองของญี่ปุ่น ลิ้มรสกุ้งมังกร (อิเซะเอะบิ) รสชาติดีซึ่งอัดแน่นไปด้วยเนื้อที่หวานและแน่น สามารถรับประทานดิบ ย่าง หรือตุ๋นก็ได้ ในฤดูร้อน ร่วมกันรับประทานอะวะบิ (หอยเป๋าฮื้อ) รวมถึงอะวะบิที่จับโดยอะมะหรือนักดำน้ำแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น

ความมหัศจรรย์อยู่ที่กำแพงปราสาท ซึ่งมักใช้เป็นฉากในละครและภาพยนตร์เนื่องจากเมื่อเดินเข้าไปใกล้ จะพบว่าเป็นกำแพงปราสาทที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ตัวปราสาทหลักถูกทำลายจากภัยธรรมชาติขณะที่กำลังก่อสร้างอยู่ และถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีการซ่อมแซมเป็นเวลานับหลายปี แต่ในที่สุดก็ก่อสร้างจนสำเร็จโดยผู้แทนทางการเมืองท้องถิ่นในปี ค.ศ. 1935

นินจาและคุโนะอิชิ (นินจาหญิง) ตัวจริงจะนำคุณชมบ้านนินจาแบบดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยค่ายกลที่นินจาออกแบบไว้เพื่อปกป้องไม่ให้ความลับของตนเองถูกขโมย หลังจากนั้น คุณสามารถชมนิทรรศการที่จัดแสดงเครื่องมือและอาวุธประเภทต่างๆ ของนินจา ตลอดจนรับชมเทคนิคต่างๆ และการใช้ชีวิตของนินจา อย่าพลาดการแสดงการใช้อาวุธจริงของนินจา (เก็บค่าธรรมเนียมการเข้าชมแยกต่างหาก โปรดยืนยันข้อมูลผ่านโฮมเพจ)

แหล่งมรดกโลกแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างออกมาจากสวนกวางนารา มีเจดีย์ห้าชั้นที่สูงเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น และยังมีสมบัติประจำชาติชิ้นอื่นๆ รวมถึงปฏิมากรรมลงรักรูปเทพอสูรซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก วิหารรูปแปดเหลี่ยมทางทิศใต้ (ขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ) มีความงดงามมากเป็นพิเศษในเวลาที่ดวงอาทิตย์ตก

วัดโทไดจิเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต (ไดบุทสึ) องค์ใหญ่ ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นพระพุทธรูปสำริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมี “สมบัติประจำชาติ” ชิ้นอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ซุ้มประตูขนาดมหึมาไปจนถึงรูปสลักทวารบาลที่โดดเด่นสะดุดตา เดินสำรวจพื้นที่กว้างใหญ่ของวัด และย้อนเวลากลับไปในสมัยที่นารายังเป็นนครหลวงของญี่ปุ่นยุคโบราณ

สวนนารา ตั้งอยู่ที่เมืองนารา เป็นสถานที่ที่ภูมิใจนำเสนอสมบัติของชาติทางด้านวัฒธรรมและประวัติศาตร์ไว้หลายอย่าง จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดชม คุณจะได้สัมผัสกับภาพบรรยากาศสุดพิเศษและมีเสน่ห์ ภาพที่มีบรรดากวาง ซึ่งว่ากันว่าเป็นผู้นำสารของเหล่าทวยเทพ กำลังเดินเล่นกันอยู่อย่างอิสระ

ศาลเจ้าซึ่งเป็นที่น่าศรัทธาเลื่อมใสแห่งนี้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก มีเสน่ห์ชวนให้ผู้มาเยี่ยมชมรู้สึกหลงใหลไปกับเสาสีแดงสดสะดุดตาและโคมไฟหินที่ตั้งอยู่กลางป่ายุคบรรพกาลซึ่งเก่าแก่เหมือนดังเวลาที่ล่วงไป พิธีสร้างใหม่ที่สืบทอดกันมาและจัดขึ้นทุกยี่สิบปีช่วยให้สิ่งปลูกสร้างในศาลเจ้าคงสภาพบริสุทธิ์ไว้ได้แม้เวลาจะล่วงมาหลังจากสถาปนาศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นกว่าพันปีแล้วก็ตาม พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์จะทำให้คุณตะลึงจนแทบลืมหายใจเลยทีเดียว

วัดโฮซันจิตั้งอยู่บนกึ่งกลางเส้นทางมุ่งสู่ยอดเขาอิโกะมะที่คนไม่ค่อยรู้จัก เป็นสถานที่ไหว้พระที่สงัดเงียบซึ่งพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่นิยมใช้ความคิดไตร่ตรองสิ่งต่างๆ นั่งกระเช้าขึ้นสู่ด้านบน หรือเดินตามเส้นทางบันไดหิน ซึ่งมีร้านค้าและเกสต์เฮาส์ตั้งอยู่เรียงราย ชื่นชมทัศนียภาพของหุบเขาไปตลอดทาง ไปเที่ยวช่วงเดือนกันยายนระหว่างเทศกาลโคมประจำปี เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่เหมือนอยู่คนละโลกอย่างแท้จริง

ขึ้นสู่ยอดเขาอิโกะมะเพื่อกวาดสายตาให้ทั่วแอ่งนาราและที่ราบโอซาก้า สวนสนุกแห่งนี้ให้บริการเครื่องเล่นและเกม ซึ่งจะเป็นที่ถูกอกถูกใจคุณหนูๆ อย่างแน่นอน ในวันที่เปิดให้บริการหลังจากดวงอาทิตย์ตก ที่นี่ยังเป็นจุดนัดพบแสนโรแมนติกซึ่งสามารถชมทัศนียภาพยามค่ำคืนที่งดงามในแบบ 360 องศาได้อีกด้วย

วัดฮะเซะเดะระตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองนาราบนไหล่เขาที่มีช่อดอกไม้เบ่งบานเป็นแถว วัดเก่าแก่แห่งนี้มีทัศนียภาพที่งดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูใบไม้ผลิยามดอกซากุระเบ่งบานหรือในฤดูใบไม้ร่วงยามใบไม้เปลี่ยนสี เดินชมวัดที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ในแบบสบายๆ แล้วเดินตามทางลาดขั้นบันไดภายใต้หลังคาขึ้นไปนมัสการพระรูปเจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์สูง 12 เมตร ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุดภายในวัด

ปลีกตัวจากเมืองสมัยใหม่ที่ผู้คนเบียดเสียดและเสียงดังอึกทึกมาอยู่ท่ามกลางความงามตามธรรมชาติที่น้ำตก 48 สายแห่งอะกะเมะ น้ำตกดังกล่าวตั้งอยู่บนภูเขาบริเวณเขตเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดมิเอะและจังหวัดนารา มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงามและรุ่มรวยไปด้วยประวัติความเป็นมาอันยาวนานในตำนานยุคโบราณ นักท่องเที่่ยวสามารถชื่นชมความงดงามของธรรมชาติได้ในทุกฤดูกาล แต่จะดีเลิศเป็นพิเศษช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง หรือในฤดูหนาวคุณจะเห็นทัศนียภาพของน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งไปทั่ว ให้ความรู้สึกเหมือนต่างออกไปในอีกโลกหนึ่ง

ศาลเจ้าแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งพบได้ที่เดียวในญี่ปุ่น เป็นที่ตั้งของเจดีย์ 13 ชั้น มีชื่อเสียงด้านใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามในฤดูใบไม้ร่วง ศาลเจ้าทันซันจินจะเป็นที่ประดิษฐานศาลบูชาฟุจิวะระ คะมะทะนิ ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในยุคอะซุกะ เดินผ่านเสาโทริอิตามทางขั้นบันได 130 ขั้นขึ้นไปสู่วิหารหลัก และชมแสงไฟอันงดงามของโคมไฟแขวนโทโรแบบดั้งเดิมจากหอสวดมนต์